Explore the serene atmosphere of Sakkarasatan Phramanda located in the heart of Moranasakkee, Thailand. This unique spiritual destination invites visitors to immerse themselves in tranquility and reflection while experiencing the rich cultural heritage of the region.
Sakkarasatan Phramanda in Moranasakkee, Thailand, stands as a symbol of spiritual retreat and cultural richness. Nestled in a picturesque setting, this remarkable location encourages visitors to engage in serene meditation practices, communal gatherings, and immersive cultural experiences. The tranquil surroundings and beautifully designed architecture provide a perfect backdrop for those seeking solace and self-discovery. Visitors often find themselves captivated by the harmonious blend of traditional Thai aesthetics and spiritual ambiance, making it an ideal destination for travelers looking to explore the deeper dimensions of Thai culture and spirituality. With various programs, workshops, and events held throughout the year, Sakkarasatan Phramanda serves as a vibrant hub for both locals and tourists wishing to connect with the essence of Moranasakkee. Whether you are seeking a peaceful retreat or a deeper understanding of the area’s spiritual traditions, visiting this enchanting place will leave you with lasting memories and a sense of inner peace.
สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี
Sakkarasatan Phramanda of Moranasakkee is perched on a picturesque hilltop overlooking 49150, Thailand
ช่วงแห่งสงครามอินโดจีน ผู้คนในแถบนี้ทั้งฝั่งไทยและลาวถูกบังคับให้เปลี่ยนการนับถือศาสนา ใครฝ่าฝืนก็มีอันต้องได้รับโทษ บ้างกลัวก็หลบหนี บ้างก็กล้าหาญยอมสละชีพตน เช่นเดียวกับ 7 คนแห่งสองคอนที่ถูกปลิดปลงเพื่อยืนยันความเชื่อของตนเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่น่ารันทด แต่ก็ทำให้เราได้มองเห็นว่าควรเลือกทำสิ่งใด และไม่ทำสิ่งใดเพื่อความสงบสันติในการอยู่ร่วมกันไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใด สิ่งที่ได้เห็นคือความรู้สึกสงบ ความเย็น ความพิศวงในความกล้าหาญ และในที่สุดความเชื่อของพวกเค้าทำให้คนในแถบนี้ได้สานต่อความเชื่อมาจนปัจจุบัน และพวกเค้าก็ได้รับการยกย่องเชิดชูจากคริสตจักรได้รับเกียรติเป็นบุญราศี (อันดับก่อนจะสถาปนาเป็นนักบุญ) ผู้คนที่นี่ยิ้มแย้ม มีไมตรี และเป็นมิตร เรามากันตอนค่ำวันเสาร์ และได้เยี่ยมชมบ้านของชาวบ้าน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ เช้าก็ได้เห็นวิถีชาวบ้าน ที่เอาของที่หาได้มาขาย พืชผักที่ปลูกเองไร้สารพิษ ข้าวที่ปลูกเองทำเองราคาย่อมเยา และที่สำคัญได้เห็นพระจันทร์อำลาตะวันที่ขึ้นมายิ้มแฉ่งเหนือโขง เป็นภาพที่สวยงาม บรรยากาศในเดือนกุมภาที่ยังหนาวเย็น อุณหภูมิ 15 องศา ที่นี่มีที่พักและอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ เพราะอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรเลย อาหารที่ชาวบ้านทำให้ทานอร่อยมากมาก เน้นปลาในแม่โขง และส้มตำค่ะ เป็นอีกสถานที่ที่มีทั้งพุทธและคริสต์ มาเยี่ยมเยือน มาขอพรจากบุญราศี และมาชมวิวและสักการสถานที่สวยงาม พูดถึงตัวสักการสถานที่อยู่ริมโขง ด้านหน้าจะเป็นโบสถ์ที่ทำพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา) ประจำวันอาทิตย์เวลา 07.00 น. ด้านหลังของพระแท่นที่สามารถเดินไปชมได้ เป็นรูปจำลองของบุญราศีทั้ง 7 นอนในโลงแก้ว มีชื่อและบทภาวนาขอพร ดูขลังมาก ส่วนด้านหลังเป็นสนามหญ้าปูลาดไปทางริมโขง บรรยากาศดีมากในการตื่นมาชมอาทิตย์ขึ้นและฝั่งที่พัก ถัดจากโรงอาหาร จะเป็นบริเวณ “ป่าศักดิ์สิทธิ์” คือสถานที่จริงที่ทั้ง 7 ท่านสิ้นใจ จะมีสุสานแบบคริสต์เรียงรายอยู่พร้อมรูปปั้นใบหน้าของแต่ละท่านว่าสิ้นใจตรงไหน มีรั้วรอบเพื่อกันคนเข้า แต่สามารถเห็นได้ชัดเจน มีที่ให้คุกเข่าภาวนาและขอพร มีคนมาจุดเทียนและสวดภาวนาในเวลากลางคืนด้วยค่ะเนื่องจากเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา ถ้ามาเวลาที่ไม่หนาวแล้วก็แต่งกายสุภาพกันหน่อยนะคะ ถ้าได้มาเวลาอากาศเย็นอย่างนี้จะดีมาก